02 กันยายน 2551

สันติวิธี – เพื่อ – สันติประชาธิปไตย

โดยเหตุที่การเผชิญหน้ากันของรัฐบาล และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในขณะนี้ อาจนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นนองเลือด และลุกลามเป็นสงครามกลางเมืองได้ จึงขอฝาก “คติธรรม” มายังผู้เผชิญหน้ากันทุกฝ่ายดังต่อไปนี้
(1) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนไทยทั้งปวง จงทำใจให้กว้างโดยการตระหนักรู้ว่า การชุมนุมกันทางการเมืองก็ดี ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ดี ถือว่า นี่เป็นปรากฏการณ์อันเป็นธรรมดาของบ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
(2) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ อย่าทำการใดก็ตาม เพียงเพื่อสนองผลประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติประชาชนจะเสียหายใหญ่หลวงเพียงไร
(3) ขอให้ทุกท่าน ทุกคน ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักธรรมสำคัญ อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยไม่เสียเลือดเนื้อคนไทยด้วยกันดังต่อไปนี้
3.1 ขอให้ยึดมั่นใน “ขันติธรรม” กล่าวคือ การอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด อย่าลุแก่โทสะ คือ ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา หรือนำไปสู่การเผชิญหน้ากันโดยขาดความยั้งคิด
3.2 ขอให้ยึดมั่นใน “สันติธรรม” กล่าวคือ ใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาทุกขั้นตอน โดยขอให้คิดอย่างสันติ (เช่น ไม่วางยุทธศาสตร์ให้ทหาร ตำรวจ ใช้อาวุธสงครามบุกเข้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์) พูดอย่างสันติ (เช่น ไม่กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรง) และทำอย่างสันติ (เช่น ใช้การเจรจาเป็นทางออกสำหรับการแก้ปัญหา)
3.3 ขอให้ยึดมั่นใน “เมตตาธรรม” กล่าวคือ อย่าเผชิญหน้ากันโดยการตั้งธงแห่งอคติไว้ล่วงหน้าว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตนเป็น “ปรปักษ์” ที่จะต้องถูกกำจัด ถูกลงฑัณฑ์ให้หนักหนาสาหัส แต่ขอให้เผชิญหน้ากับคนที่อยู่ตรงข้ามกับตนในฐานะที่เขาก็เป็น “คนไทยเหมือนกันกับเรา” เขาแค่เห็นหรือปฏิบัติไม่ตรงกับเรา ไม่ได้หมายความว่าเขามี “ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์น้อยกว่าเรา”
3.4 ขอให้ยึดมั่นใน “นิติธรรม” กล่าวคือ เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ประเทศชาติประกอบด้วยคนที่ต่างคนต่างความคิด ต่างความเห็น ต่างความต้องการ หากทุกคน ทุกฝ่าย ต่างยึดเอา “ความต้องการ” ของตนเป็นที่ตั้ง ก็ไม่มีทางที่ประเทศชาติจะมีสันติสุขได้เลย ดังนั้น เราทุกคน ทุกฝ่าย จึงควรร่วมกันยกเอา “กฎหมาย” ขึ้นเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ เป็นบรรทัดฐาน ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คนทุกคนที่ไม่ยอมให้แก่ใคร ในท้ายที่สุดก็ควรจะยอมให้แก่ “กฎหมาย” เมื่อมาอยู่เบื้องหน้ากฎหมายแล้วขอให้เราเคารพกฎหมาย เพราะหากไม่เคารพกฎหมายเลย บ้านเมืองก็จะเข้าสู่สภาพอนารยะ ไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่มีหลักประกันในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และจะก่อให้เกิดสภาพล้าหลังในทุกๆ ทางอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด
ขอให้เราคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมกันตั้งกัลยาณจิต ภาวนาให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ร่วมกันอย่างสันติในเร็ววัน.



ไม่มีความคิดเห็น: